ท่ามกลางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะขยายตัวในระดับตํ่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว
จากวิกฤตกำลังซื้อภายในประเทศอ่อนแอเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการของไทยต้องพึ่งพา
กำลังซื้อต่างชาติโดยเฉพาะจีนแต่ปัญหาใหญ่ค่าเงินบาทผันผวนระหว่าง32-33บาทสลับไปมา
อาจมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าต่างชาติที่เคยซื้อในช่วง
ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35-36บาท ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์มาเป็นเงินบาทไทยในช่วงที่จะครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์
จึงเป็นปัญหาว่าผู้ประกอบการอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจโอนของลูกค้าต่างชาติออกไปเพื่อรอดูท่าที
ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในอัตราใกล้เคียงจากช่วงที่เคยตกลงซื้อขายกัน
ขณะการหารือระหว่างกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ที่ระบุว่าจะร่วมมือกันผลักดันเศรษฐกิจให้ก้าวข้ามวิกฤตไปข้างหน้า
หลังมีเสียงเรียกร้องจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์
ต้องการให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หนึ่งในคณะกรรมการหลักของธปท.
พิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อพยุงค่าบาทที่แข็งค่าให้อ่อนลง
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับต่างชาติลงได้
รวมถึงกำลังซื้อคนไทยแม้ว่าจะลดเพียง25 สตางค์รอบเดียวก็ตาม
อย่างไรก็ตามจากการแทรกแซงค่าเงินบาทของธปท.พบว่า ค่าเงินอ่อนค่าลงเล็กน้อย
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ของรัฐบาลในยุค
“เศรษฐา” ที่ออกมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้มองว่าเป็นยาแรง
จากการลดค่าโอนและจดจำนองลงสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท
ซึ่งเดิมไม่เกิน 3 ล้านบาท
แต่ เป็นจังหวะที่กำลังซื้อในประเทศยํ่าแย่ เศรษฐกิจซบเซาพอดี
สถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ จากภาวะหนี้ครัวเรือนสูงทวีคูณ
จึงดูเหมือนมาตรการที่ออกมาไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร
แหล่งที่มา : https://www.thansettakij.com/real-estate/608459